
ถ้าคุณเป็นมือใหม่ในเรื่องไวน์ คุณอาจจะรู้สึกว่ามีตัวเลือกมากมายจนสับสน แต่อย่ากังวลไป
คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจพื้นฐานของไวน์ และค้นพบไวน์ขาวที่คุณอาจถูกใจ เราจะอธิบายพื้นฐานของไวน์ สำรวจประเภทไวน์ยอดนิยม types of white wine และแบ่งปันเคล็ดลับในการชิมไวน์
ลักษณะคาแรคเตอร์พื้นฐานของไวน์
ในการเริ่มต้น ควรรู้ลักษณะหลักๆ ของไวน์ก่อนเพราะองค์ประกอบเหล่านี้กำหนดรสชาติ
และประสบการณ์โดยรวมของไวน์แต่ละขวด
1. ความหวาน
ไวน์อาจมีรสฝาด (ไม่หวาน) หรือหวาน หากคุณเพิ่งเริ่มดื่ม คุณอาจจะชอบไวน์รสหวานมากกว่าเพราะดื่มง่ายกว่า เริ่มต้นด้วยการสังเกตปลายลิ้นเพื่อประเมินความหวานของไวน์ หากคุณรู้สึกซ่าที่ปลายลิ้น
แสดงว่าไวน์นั้นอาจมีความหวานอยู่บ้าง ความรู้สึกนี้บ่งบอกว่าไวน์นั้นยังมีน้ำตาลเหลืออยู่เล็กน้อย
คุณสามารถบอกได้จากความหนืดของไวน์เมื่อคุณแกว่งไวน์ในแก้ว ไวน์รสหวานจะเคลื่อนที่ช้ากว่า และให้ความรู้สึกหนืดคล้ายกับน้ำเชื่อม การแกว่งแล้วเคลื่อนที่ช้าบ่งบอกว่าไวน์นั้นมีบอดี้และระดับความหวานที่สูงกว่า
2. ความเป็นกรด
ไวน์ที่มีความเป็นกรดสูงจะมีรสเปรี้ยว และมีรสชาติสดชื่น ให้ความรู้สึกเบาสบาย เมื่อชิมไวน์เหล่านี้
คุณจะรู้สึกถึงความซ่าที่ปลายและข้างลิ้น หากคุณชอบไวน์รสเข้ม และมีความเป็นผลไม้เข้มข้นมากขึ้นควรมองหาไวน์ที่มีความเป็นกรดต่ำ ไวน์เหล่านี้จะไม่มีรสแหลม และเปรี้ยวมากนัก แต่จะให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อสัมผัสลิ้น
3. แทนนิน
แทนนินทำให้ไวน์มีรสขม มันมาจากเปลือกองุ่น และถังไม้โอ๊กที่ใช้ในการบ่ม แทนนินในไวน์ มีความสำคัญมากเพราะให้เนื้อสัมผัส ความกลมกล่อม และช่วยให้ไวน์บ่มได้นานหากคุณเลือกไวน์ที่มีแทนนินสูง คุณจะรู้สึกขมที่ปลายและข้างลิ้น รู้สึกฝาดค้างในปาก
4. แอลกอฮอล์
ปริมาณแอลกอฮอล์ในไวน์มีผลต่อบอดี้ รสชาติ และความรู้สึกโดยรวม ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูง
โดยทั่วไปคือไวน์ที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 14% จะมีรสชาติเข้มและหนัก พร้อมกับความรู้สึกอุ่น เช่น ไวน์
Chardonnays หรือ Zinfandels บางชนิด จะมีรสเข้มและหนัก ขณะที่ไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ เช่น
Rieslings หรือ Sauvignon Blancs จะมีรสเบาและสดชื่น
5. บอดี้
บอดี้ของไวน์ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย เช่น ปริมาณน้ำตาลและแอลกอฮอล์ไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงจะมีรสเข้มกว่า ในขณะที่ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำจะมีรสเบากว่า หากต้องการทราบว่าเป็นไวน์ light, medium หรือ full-body ให้พิจารณาว่ารสชาติของไวน์ค้างอยู่ในปากนานแค่ไหน หากค้างในปาก 30-40 วินาที แสดงว่าไวน์นั้นเป็นไวน์ full-body
ไวน์ยอดนิยมที่ควรลอง

เรามาพูดถึงไวน์ยอดนิยมที่เหมาะสำหรับมือใหม่กันบ้าง เริ่มจากไวน์ขาวที่มักเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ดื่มไวน์มือใหม่
1. สปาร์คกลิ้งไวน์
สปาร์คกลิ้งไวน์เป็นไวน์ที่มีฟอง ที่เหมาะกับการเฉลิมฉลองหรือดื่มในโอกาสสบายๆ ฟองในไวน์มาจากการเติมคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเติมเข้าไปเองก็ได้ Champagne เป็น
สปาร์คกลิ้งไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุด แต่ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่ดี เช่น Prosecco และ Cava สปาร์คกลิ้งไวน์อาจมีรสฝาด (ไม่หวาน) หรือหวาน ดังนั้นคุณสามารถเลือกได้ตามรสนิยมของคุณ สปาร์คกลิ้งไวน์เหมาะสำหรับเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยหรือจับคู่กับอาหารหลากหลายประเภท
2. ไวน์ขาวไม่หวาน
ไวน์ชนิดนี้มีความหวานน้อยมากและให้ความสดชื่น มักมีรสผลไม้หรือดอกไม้ Sauvignon Blanc เป็นไวน์ขาวไม่หวานคลาสสิกที่ขึ้นชื่อในเรื่องกลิ่นที่สดชื่นและมีกลิ่นส้ม Pinot Grigioเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยม มีรสชาติที่เบา และสดชื่นไวน์เหล่านี้เหมาะกับผู้ที่ชอบรสชาติสดชื่นที่ไม่หวาน และยังเข้ากันได้ดีกับอาหารทะเล สลัด และอาหารเบาๆ ด้วย
3. ไวน์ขาว full-body
ไวน์ขาว full-body มีความเข้มข้นสูง มักจะมีรสครีมมี่หรือเนยเนื่องจากวิธีการผลิต เช่น
การบ่มในถังไม้โอ๊ก Chardonnay ไวน์ขาว full-body ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้น มีรสของเนย วานิลลา
บางครั้งก็มีกลิ่นเครื่องเทศเล็กน้อย ไวน์เหล่านี้เหมาะกับผู้ที่ชอบไวน์ full-body รสชาติที่เข้มข้น
และเข้ากันได้ดีกับอาหารรสเข้มข้น เช่น พาสต้าครีมมี่หรือไก่อบ
4. ไวน์ขาวรสหวาน
ไวน์ขาวรสหวานคือไวน์ที่หวานจริงๆ! มักจะมีรสผลไม้และรสหวานที่ชัดเจน Riesling เป็นไวน์ขาวรสหวานยอดนิยม มักจะมีรสพีช แอปริคอต และน้ำผึ้ง Moscato เป็นอีกตัวเลือกที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เบา หอมผลไม้ มีฟองเล็กน้อย ไวน์เหล่านี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสหวาน และรสที่คล้ายของหวาน
เหมาะกับอาหารรสเผ็ดหรือเป็นของหวานที่อร่อย
5. ไวน์โรเซ่
ไวน์โรเซ่มีสีชมพู ทำจากองุ่นแดง แต่ไม่แรงหรือมีแทนนินสูงเหมือนไวน์แดง ไวน์โรเซ่มีรสตั้งแต่ไม่หวานไปจนถึงหวาน และมักมีรสเบอร์รี่ ส้ม หรือบางครั้งมีกลิ่นดอกไม้ เป็นไวน์ที่ดื่มได้หลากหลาย และสามารถดื่มแบบแช่เย็นได้ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับวันที่อากาศร้อนหรือเมื่อคุณต้องการไวน์ที่เบาแต่ยังคงรสชาติที่ดี ไวน์โรเซ่เข้ากันได้ดีกับอาหารหลายประเภท ตั้งแต่สลัดไปจนถึงเนื้อย่าง
6. ไวน์หวาน
ไวน์หวานนั้นหวานมาก มักดื่มหลังอาหาร รวมถึงไวน์อย่าง Sauternes ที่มีรสชาติหวานจากน้ำผึ้ง และ
Port ที่มีความเป็นผลไม้เข้มข้น ไวน์เหล่านี้เหมาะสำหรับการดื่มอย่างช้าๆมักจะดื่มคู่กับของหวานหรือชีสที่เข้มข้น เพิ่มความหวานในตอนจบของมื้ออาหารและเหมาะกับผู้ที่ชอบของหวานกับไวน์
7. ไวน์แดง
ไวน์แดงมีความเป็นผลไม้เข้มข้น มักมีรสเบอร์รี่ เครื่องเทศ หรือแม้กระทั่งช็อกโกแลต ไวน์แดงมีรสตั้งแต่ผลไม้อ่อนๆ ไปจนถึงเข้มและฝาด มีตัวเลือก เช่น Merlot ที่รสชาตินุ่มและดื่มง่าย และ Cabernet Sauvignon ที่มีรสเข้ม ไวน์แดงเข้ากันได้ดีกับสเต๊ก พาสต้า หรือดาร์กช็อกโกแลต
วิธีชิมไวน์
เมื่อคุณคุ้นเคยกับไวน์แล้ว การชิมไวน์จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
ดู: สังเกตสี และความใสของไวน์ ไวน์ขาวอาจมีสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีทองเข้ม
แกว่ง: แกว่งไวน์ในแก้วเพื่อให้กลิ่นออกมา
ดม: ดมกลิ่นเพื่อรับรู้ถึงกลิ่นของไวน์ คุณอาจได้กลิ่นผลไม้ ดอกไม้ หรือดิน
จิบ: จิบไวน์เล็กน้อย และปล่อยให้เคลือบในปาก สังเกตว่ามีรสชาติอย่างไร หวาน ฝาด
หรือรสตรงกลาง
ลิ้มรส: ใส่ใจรสที่ค้างในคอ ไวน์ที่ดีจะทิ้งรสชาติที่น่าพอใจไว้หลังจากกลืน
เคล็ดลับในการเลือกไวน์ชั้นดีสำหรับมือใหม่

ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยคุณในการเลือกไวน์
เริ่มต้นด้วยไวน์ขาว: มือใหม่มักจะเข้าถึงไวน์ขาวประเภทต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าและไวน์ขาวยังเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่
ทำความเข้าใจกับไวน์: เรียนรู้ว่าไวน์แต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไร เพื่อค้นหาไวน์ที่คุณชอบ เช่น
หากคุณชอบรสหวาน ให้เริ่มจาก Riesling หรือ Moscato
จับคู่กับอาหาร: เลือกไวน์ให้เข้ากับมื้ออาหารของคุณ ไวน์ขาวที่มีรสเบาเหมาะกับอาหารทะเลและสลัด ส่วนไวน์ขาวที่มีความเป็นผลไม้เข้มข้นเหมาะกับเมนูครีมมี่
สำรวจ The Riddler Wine Bar เพื่อค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบของคุณ
การเรียนรู้เกี่ยวกับไวน์ขาวประเภทต่าง ๆ และไวน์ยอดนิยมประเภทอื่น ๆจะช่วยให้คุณเริ่มต้นการผจญภัยในโลกของไวน์ได้อย่างมั่นใจ เพลิดเพลินไปกับการชิมและค้นพบไวน์ใหม่ ๆ และดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลา เรามีไวน์กว่า 200 รายการที่ร้าน The Riddler Japanese Gastronomic Dining & Wine Bar และ sommelier ของเราพร้อมแนะนำไวน์ที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับมื้ออาหารของคุณ Book a table today จองโต๊ะวันนี้แล้วเริ่มต้นเดินทางไปในโลกของไวน์ได้เลย
Comments