
การเข้าใจเกี่ยวกับไวน์หลากหลายชนิดในท้องตลาดและการเรียนรู้วิธีดื่มไวน์อย่างถูกต้องไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเราได้จัดทำคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจไวน์สามประเภทหลัก ได้แก่ ไวน์แดง, ไวน์ขาวและสปาร์คกลิ้งไวน์ และแนะนำเกี่ยวกับพันธุ์องุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์เหล่านี้
เราจะสอนคุณเกี่ยวกับอุณหภูมิการเสิร์ฟที่เหมาะสม ประเภทของแก้วที่ใช้สำหรับไวน์แต่ละประเภท
และวิธีการเก็บรักษาไวน์อย่างถูกวิธี สุดท้ายเราจะแนะนำให้คุณรู้จักกับ wine pairings การจับคู่ไวน์ที่
The Riddler หนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่น และไวน์บาร์ เพลินจิตที่ได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ

สำรวจสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์
ไวน์ 3 ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ไวน์แดง, ไวน์ขาว และสปาร์คกลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่นพันธุ์ขาวหลายชนิด แม้ว่าไวน์ขาวจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงหลัง แต่ตลาดยังคงแบ่งสัดส่วนค่อนข้างเท่าเทียมกัน ไวน์แดงมักจะมีรสชาติที่หนัก และเข้มข้นกว่ากว่าไวน์ขาว
โดยทั่วไปแล้วไวน์แดงจะจับคู่กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ในขณะที่ไวน์ขาวจะจับคู่กับอาหารประเภทปลาและอาหารเบาๆ
พันธุ์องุ่นแดงยอดนิยมที่ใช้ในการผลิตไวน์ ได้แก่
Cabernet Sauvignon
Grenache
Merlot
Barbera
Shiraz
Zinfandel
Pinot Noir
พันธุ์องุ่นขาวยอดนิยมที่ใช้ในการผลิตไวน์ ได้แก่
Chardonnay
Gewürztraminer
Pinot Blanc
Riesling
Pinot Grigio
Sauvignon Blanc
Chenin Blanc
พันธุ์องุ่นยอดนิยมที่ใช้ในการผลิตสปาร์คกลิ้งไวน์ ได้แก่
Chardonnay
Pinto Noir
Pinot Meunier
Semillon
Chenin Blanc
Riesling
Muscat Gordo Blanco
แหล่งผลิตไวน์ของโลก
ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ อิตาลี, ฝรั่งเศส, สเปน, สหรัฐอเมริกา และจีน
อย่างไรก็ตามการที่ไวน์ได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลกหมายความว่ารายชื่อแหล่งผลิตไวน์ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องปัจจุบันมีเกือบ 70 ประเทศที่ถือว่าตนเองเป็นภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตไวน์
บางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ชิลี และอาร์เจนตินา ได้ดึงดูดความสนใจจากคนรักไวน์ทั่วโลก และได้สร้างอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ที่สำคัญในประเทศของตนเอง
Wine Tasting (การชิมไวน์)
ก่อนที่คุณจะเรียนรู้วิธีดื่มไวน์อย่างถูกต้อง คุณต้องเรียนรู้ก่อนว่าไวน์ที่ดีควรมีรสชาติอย่างไร
การชิมไวน์จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับลักษณะเฉพาะของไวน์แต่ละชนิด
การชิมไวน์ใช้ 5 ขั้นตอนพื้นฐานในการตัดสินคุณภาพของไวน์ ซึ่งได้แก่
ดู
แกว่ง
ดม
ชิม
ลิ้มรส
ดู

เมื่อประเมินลักษณะภายนอกของไวน์สิ่งสำคัญคือต้องจับที่ก้านของแก้วไวน์เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากมือของคุณเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและกลิ่นของไวน์ นักชิมไวน์จะใช้สี ความใส และ "ขา" (หยดไวน์ที่เกิดขึ้นด้านในของแก้ว) มาประเมินคุณภาพความบริสุทธิ์และแหล่งผลิตไวน์ในเบื้องต้น
แกว่ง
การแกว่งจะช่วยเพิ่มรสชาติของไวน์โดยเป็นการเพิ่มออกซิเจนในไวน์ซึ่งช่วยให้ไวน์ปล่อยกลิ่นหอมออกมา นอกจากนี้ยังทำให้เกิดขาบนแก้วไวน์ ซึ่งช่วยให้นักชิมประเมินเนื้อสัมผัสและบอดี้ของไวน์ได้ดียิ่งขึ้น
ดม
การดมไวน์หลังจากแกว่งจะช่วยให้กลิ่นออกมามากขึ้น ให้นำแก้วไวน์มาที่จมูก และหายใจเข้าช้าๆ
พยายามเชื่อมโยงกลิ่นกับสิ่งที่คุ้นเคย เช่น ดอกไม้หรือสมุนไพร ลองทำซ้ำหลายๆ ครั้งเพื่อให้รับรู้ถึงกลิ่นหอมของไวน์
ชิม
ในขั้นตอนต่อไป ให้ลองจิบไวน์ทีละจิบเล็กๆ และหยุดพักระหว่างจิบเพื่อให้ไวน์พักอยู่ในปาก
และพิจารณาเกณฑ์ต่อไปนี้
รสชาติของไวน์ที่มี "โครงสร้าง" หรือความหนัก และพิจารณาว่ามันมีรสหวานหรือฝาด
สังเกตระดับความเปรี้ยวที่จะเพิ่มความสดชื่นให้กับไวน์
สังเกตปริมาณแทนนินที่สร้างความรู้สึกฝาดในปาก แทนนินมักจะเด่นชัดในไวน์แดง
ประเมิน “บอดี้” ของไวน์ ซึ่งหมายถึงเนื้อสัมผัสและน้ำหนัก ตั้งแต่ไวน์ full-body ไปจนถึงไวน์ light
body และรสผลไม้
พยายามระบุรสชาติต่างๆ ในปากของคุณ เช่นเดียวกับตอนที่ดมกลิ่นไวน์
แยกรสชาติเหล่านั้นออกเป็นเครื่องเทศ ผลไม้ สมุนไพร
ลิ้มรส
หยุดพัก และพิจารณาถึงสิ่งที่คุณเพิ่งชิม ประเมินไวน์ตามความสมดุลขององค์ประกอบต่าง ๆ
ความซับซ้อนของรสชาติที่แตกต่างกัน และ “รสชาติที่ยังค้างอยู่ในปากหลังกลืน”
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเสิร์ฟ และเก็บไวน์
ในการเรียนรู้วิธีดื่มไวน์อย่างถูกต้องสิ่งสำคัญคือการเสิร์ฟไวน์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อให้กลิ่นและรสชาติออกมาเต็มที่อุณหภูมิในการเสิร์ฟมีผลต่อรสชาติ กลิ่น หรือบูเก้ และคุณภาพโดยรวมของไวน์
ด้านล่างนี้คืออุณหภูมิที่เหมาะสมในการเสิร์ฟไวน์แต่ละประเภท
ไวน์ full-body: - 15-20 °C
ไวน์ medium และ light body: – 13-15 °C
ไวน์ขาว: – 7-12 °C
สปาร์คกลิ้งไวน์: – 5-8 °C
โดยทั่วไป ไวน์ทั้งหมดควรเก็บที่อุณหภูมิประมาณ 11-14 °C และอุณหภูมิในการเก็บไวน์ไม่ควรเกิน 24 °C เพราะหากอุณหภูมิสูงกว่า 24 °C ไวน์จะเริ่มมีการออกซิเดชัน ซึ่งอาจทำให้เกิดรสชาติไม่พึงประสงค์
แก้วไวน์ที่เหมาะสม
แก้วไวน์แดงมี 3 ประเภทหลัก แก้วไวน์ขาวมี 2 ประเภทหลัก และแก้วอเนกประสงค์ที่ใช้สำหรับไวน์แดงและไวน์ขาว สปาร์คกลิ้งไวน์มักจะเสิร์ฟในแก้ว Champagne ทรงสูง และแคบที่ออกแบบมาเพื่อเน้นฟองที่ลอยขึ้น
แก้วไวน์แดง
แก้วไวน์ Bordeaux/Cabernet/Merlot เป็นแก้วสูงที่มีตัวแก้วกว้างเพื่อให้มีออกซิเจนมากที่สุดสำหรับไวน์แดง full-body
แก้วไวน์ Syrah/Shiraz/Sangiovese/Malbec มีขนาดสั้นกว่าแก้วไวน์แดง full-body เล็กน้อย
และมีตัวแก้วที่เล็กกว่า
แก้วไวน์ Burgundy/Pinot Noir เป็นแก้วไวน์แดงที่กว้างที่สุด และสั้นที่สุดพื้นที่ผิวที่เพิ่มขึ้นช่วยให้มีออกซิเจนสัมผัสไวน์มากขึ้น
แก้วไวน์ขาว
แก้วไวน์ Sauvignon Blanc/Riesling มีก้านยาวปานกลางถึงยาว และตัวแก้วที่ค่อยๆ แคบลง
ตัวแก้วที่แคบช่วยให้สามารถดึงกลิ่นหอมของไวน์ได้ง่ายขึ้น
แก้วไวน์ Chardonnay มีตัวแก้วกว้าง และปากแก้วกว้าง ตัวแก้วที่กว้างช่วยให้มีพื้นที่มากขึ้น
ซึ่งเหมาะกับไวน์ขาว full-body อย่าง chardonnays
แก้วไวน์อเนกประสงค์ เป็นแก้วขนาดกลางที่มีปากแคบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มไวน์ทั้งแดง และขาว
สำรวจโลกของไวน์ที่ร้าน The Riddler
The Riddler คือ ร้านอาหารญี่ปุ่น และไวน์บาร์ เพลินจิตชั้นนำที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนรักไวน์ในกรุงเทพฯ เรามีไวน์มากกว่า 200 รายการ ทั้งไวน์แดง,ไวน์ขาว, ไวน์โรเซ่ และ สปาร์คกลิ้งไวน์ แวะมาที่ร้าน The Riddler และให้ sommelier ของเราแนะนำเมนูที่จับคู่กับไวน์ พร้อมช่วยค้นหาไวน์ที่คุณชื่นชอบเพื่อจับคู่ wine pairing menu กับอาหารญี่ปุ่นรสเลิศของเรา
Comments